วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558

   Modal verb หรือกริยาช่วย อันได้แก่ can, could, may, might, will และ would
ฯลฯ นั้น ทำหน้าที่ได้ 2 ประการ คือ 1) ใช้แสดง ความเป็นไปได้ และ 2) ใช้แสดง
มารยาททางสังคมต่างๆ
         1. การใช้ modal verbs แสดง ความเป็นไปได้
    Modal verbs ใช้แสดงได้ทั้ง ความเป็นไปได้ และ แนวโน้มของความเป็นไปได้
Modal verbs จึงแสดงได้ทั้ง ความเป็นปัจจุบัน และ ความเป็นอนาคต
    เราสามารถแบ่งระดับการใช้ modal verbs ที่แสดง ความเป็นไปได้ และ แนวโน้ม
ของความเป็นไปได้ ได้ 3 ระดับดังนี้
      เป็นไปได้มาก               เป็นไปได้ปานกลาง               เป็นไปได้น้อย
(ในปัจจุบันหรือในอนาคต)          (ในปัจจุบันหรือในอนาคต)           (ในปัจจุบันหรือในอนาคต)
  can                              may                            could
  will                              might
 must                            could
       should
    ส่วน would จะใช้เพื่อแสดงการจินตนาการหรือการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคต อ่านต่อ



Future Progressive Tense
11.1 ประโยค Future Progressive Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง : Subject + will ,shall + be + verb 1. ing
( ประธาน + will ,shall + be + กริยาช่อง 1 เติม ing )
ตัวอย่าง : 1. She will be playing tennis.( หล่อนจะกำลังเล่นเทนนิสอยู่ )
2. They will be cooking.( เขาทั้งหลายจะกำลังทำอาหารอยู่ ) อ่านต่อ






Present Perfect Tense
1. รูปแบบประโยค
ประโยคบอกเล่า
ประธาน (Subject)
กริยา (have/has + กริยาช่อง 3)
Warawan
has smiled.
ประโยคคำถาม
Have/Has
ประธาน (Subject)
กริยาช่อง 3
Has
Warawan
smiled?
ประโยคปฏิเสธ
ประธาน (Subject)
have/has
not
กริยาช่อง 3
Warawan
has
not
smiled.




หลักการใช้ Present Simple Tense

1.     ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือเกิดขณะที่พูดเช่น

        Ann watches television.
        Ron takes a bath in the bathroom.
2.      ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นจริงตามธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน
        หรืออนาคตเช่น
       Tiger is a dangerous animal.
       The earth moves around the sun.
3.    ใชักับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นบ่อยๆซ้ำๆจนเป็นกิจวัตรประจำวันหรือประจำเดือน อ่านต่อ







วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คำกริยาแท้ ( Finite Verbs) และกริยาไม่แท้ ( Non-finite Verbs)
Finite Verbs  ( คำกริยาแท้ ) ทำหน้าที่แสดงกริยาอาการที่แท้จริงของประธานในประโยคมีการเปลี่ยนรูปไปตาม Subject , Tense, Voice และ Mood  เช่น
Subject
I go to school every day
He goes to school every day
They go to school every day
Tense
He goes to school every day
He went to school  yesterday
He’s going to school tomorrow
Voice
Someone killed the snake. ( Active )
The snake was killed. ( Passive )
Mood
I recommend that he see a doctor.
(
ไม่ใช่ ่he sees )
If I were you, I would not do it.
(
ไม่ใช่ I was )
Non-finite Verbs  ( คำกริยาไม่แท้ )หรือ Verbal  เป็นคำที่มีรูปจากคำกริยาแต่ไม่ได้ทำหน้าที่คำกริยาแท้ มี รูปคือ

a. Infinitives  เป็นคำกริยาที่อยู่ในรูปกริยาช่องที่ 1 นำหน้าด้วย to ทำหน้าที่ noun , adjective  และ adverbHe lacked the strength to resist.
( to resist
ทำหน้าที่ adjective)
We must study to learn.
( to learn
ทำหน้าที่ adverb) b. Gerunds    เป็นคำกริยาเติม ing  ทำหน้าที่เป็นคำนาม ( noun ) เช่นThey do not appreciate my singing.
พวกเขาไม่ชอบการร้องเพลงของฉัน  ( singing  เป็นคำนามที่ทำหน้าที่เป็นกรรม )
I like swimming.
ฉันชอบว่ายน้ำ.  ( swimming  เป็นกรรมของ like ) c. Participles  คำกริยาที่เติม ing  หรือ กริยาช่องที่ 3   ที่ทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์ ( Adjective )  มี 2 รูปแบบคือ* Present Participles   เป็นคำกริยาที่เติม ing  เช่น
The crying baby had a wet diaper.
เด็กที่ร้องอยู่นั้นผ้าอ้อมเปียก  ( crying เป็นคำคุณศัพท์ขยาย baby )* Past Participles  เป็นคำกริยาช่องที่เช่นThe broken bottle is on the floor. อ่านเพิ่ม